ปีวัวดุ หรือ น้องโคใจร้าย ที่ผ่านมามีข่าวนับหมื่นนับแสนเกิดขึ้นในแต่ละวัน เหตุการ์ต่าง ๆ อุบัติขึ้นทั่วประเทศไทยแดนขวานทองที่ร้อนระอุจากสถานการณ์การเมือง มีทั้งเรื่อง ดี-สุข-เศร้า-เหงา-เคล้าน้ำตา แต่มีข่าวอยู่ประเภทหนึ่งที่คนอ่านทราบเรื่องจะต้องร้อง โอ้โหเฮะ-ฮ่าฮ่าฮ่า-อะไรกันฟระ-แหม ทำไปได้ ฯลฯ
สารพัดคำอุทานที่พรั่งพรูออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ (ว่าไปนั่น) ข่าวที่ว่าก็คือข่าวที่ไม่น่าเชื่อว่า มันจะเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ได้แต่อึ้ง ทึ่ง เสียวกันไป พร้อมกับคำว่า "แบบนี้ก็มีด้วยหรือเนี่ย" ทีมข่าวหน้าหนึ่งสีบานเย็น คัดแล้วคัดอีกจนได้แบบหัวกระทิข้นคลั่กมา 8 ข่าว
อันดับ 1 แปรงสีฟันหลุดลงท้อง หลังจากถกกันหน้าดำคร่ำเครียด ย้ายสถานที่ประชุมไปแล้วนับสิบแห่ง กี่ครั้งกี่หน ทีมงานก็ฟันธง ว่านี่แหละที่สุดของข่าวเป็นไปได้ไงเนี่ยประจำปี 2552 เช้าตรู่ของวันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าว จ.อุทัยธานี ทราบว่า ที่โรงพยาบาลอุทัยธานี มีผู้ป่วยแปรงสีฟันหลุดลงกระเพาะ อาหารมารับการรักษาให้หมอผ่าตัดเอาออก และแพทย์ผ่าตัดออกได้สำเร็จอย่างปลอดภัย เมื่อไปถึงพบว่าผู้ป่วยคือ นางมัดหมี่ จะงะ อายุ 22 ปี สาวชาวเขา แต่อยู่กินกับสามีชาวบ้านปากดง ต.หลุมเข้า อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี นอนอิดโรยอยู่บนเตียงคนไข้ ข้าง ๆ มีสามีอุ้มลูกเฝ้าอย่างเป็นห่วง
นางมัดหมี่ เผยเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้ฟังว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ขณะนั้นตนไปทำงานเป็นแม่บ้านให้ครอบครัวเศรษฐีที่ จ.เชียงใหม่ หลังรับประทานอาหารกลางวัน ก็ไปแปรงฟันระหว่างกำลังแปรงฟันอยู่ดี ๆ ดันทำกล่องสบู่ที่วางไว้ตกพื้น จึงก้มลงไปเก็บ (กรุณานึกภาพตามแบบสโล โมชั่นจะได้อรรถรสเพิ่มขึ้น) โดยปากยังอมแปรงสีฟันขนาดประมาณ 7 นิ้วในแนวตั้ง เกิดพลาดท่าไปกระแทกกับโต๊ะกระจกที่ตั้งอยู่ในห้องน้ำอย่างแรงแบบไม่ทันตั้ง ตัว ทำให้แปรงสีฟันเจ้ากรรมหลุดพรวดเข้าไปในช่องปาก ผลุบหายลงไปในหลอดคอ ตนพยายามล้วงออกมา มันก็ลื่นไหลลงไปจนถึงในกระเพาะอาหาร เมื่อไปให้หมอเอกซเรย์ก็พบแปรงสีฟันเด่นเป็นสง่าอยู่ในกระเพาะ ต่อมามีอาการปวดท้องขึ้นมาจนทน ไม่ไหว สามีพามารักษาที่ รพ. คุณหมอเชาว์ สุระดม ช่วยผ่าออกมาได้สำเร็จ
ยังมีแถมอีกนิด คือก่อนหน้ารายนี้มีนักศึกษาสาววัย 20 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลง กรณ์ เคยทำแปรงหลุดเข้าคอเช่นกัน แพทย์ต้องวาง ยาสลบแล้วคีบเอาแปรงออกมาได้สำเร็จเช่นกัน เฮ้อ......
อันดับ 2 เหงื่อออกเป็นเลือด ทั้งโลกมีไม่กี่สิบคน เด็กหญิงที่ร่าเริงแจ่มใส ผู้ต้องประสบชะตากรรมที่หาพบยากในโลก คือ ด.ญ. พันธนันท์ อรุณจันทร์ภักดี หรือน้องแสตมป์ อายุ 11 ขวบ บุตรของ พ.ต.อ.จีรัฐติกุล อรุณจันทร์ภักดี ผกก.สภ.หนองหิน จ.เลย พักอยู่ในชุมชนบ้านรุ่งพัฒนา เขตเทศบาลเมืองสกล นคร น้องแสตมป์ป่วยเป็นโรค ประหลาด เริ่มจากการปวดศีรษะ แล้วจะมีเลือดไหลออกทาง ปาก ตา มาเรื่อย ๆ หากทนไม่ไหวก็จะหมดสติไป ซึ่งทางบิดาก็เพียรพยายามพาไปรักษามาหลายโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 ปี แต่แพทย์ก็บอกไม่ได้ว่าเกิดเพราะอะไร โดยเริ่มเป็นข่าวครึกโครมตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.
ทางแพทย์โรงพยาบาลศิริราช เปิดเผยหลัง ตรวจร่างกายว่า น้องแสตมป์ป่วยเป็นโรคเหงื่อ ออกเป็นเลือด ตามรายงานทางการแพทย์ถือเป็นรายที่ 67 ของโลก และเป็นรายที่ 2 ของไทย สามารถรักษาให้หายได้ คาดสาเหตุมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด เป็นที่น่ายินดีว่าตลอดเวลาที่อยู่ในความดูแลของ รพ.ศิริราช น้องแสตมป์ไม่มีอาการเลือดออกอีก หมอจึงอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน...หายเร็ว ๆ นะจ๊ะ น้องแสตมป์.
อันดับ 3 ทารกผัดกะเพราะ เมนูที่เชลล์ไม่อยากชิม อาจารย์ยิ่งศักดิ์เบือนหน้าหนี แม่ช้อยขอลาก่อน เป็นข่าวขึ้นเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ขณะที่นายปิยะพงษ์ งามสนอง เจ้าหน้าที่กู้ชีพบัวเพชร จ.ปทุมธานี ไปจอดรถหลบแดดอยู่ใต้สะพานกลับรถถนนพหลโยธิน อ.ธัญบุรี ระหว่างนั้นเห็นนางชนี กระจ่างจิตร คนเก็บของเก่าที่อาศัยอยู่ใต้สะพาน กำลังเตรียมทำผัดกะเพรา จึงไป ยืนดูใกล้ ๆ แต่เมื่อมองไปที่เนื้อสับก็เห็นนิ้วมือเด็กโผล่ออกมา จึงรีบเบรกเมนูเด็ดไว้ก่อน พร้อมแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
ด้านนางชนี กล่าวแบบซื่อ ๆ ว่า ขณะตระเวนเก็บขยะช่วงค่ำวันที่ 24 มี.ค. เมื่อมาถึงถังขยะหน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี พบเนื้อสับห่อถุงพลาสติก เข้าใจว่าเป็นเนื้อไก่ที่เจ้าของเก่าเผลอทิ้งเพราะยังสดไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า จึงนำมาคลุกเคล้าซอส กระเทียมพริกไทย เตรียมผัดกะเพราแล้วเก็บไว้ จนมื้อกลางวันก็เตรียมประกอบอาหาร ส่วนที่ไม่รู้ว่าเป็นเนื้อทารก เพราะบริเวณที่ตนอยู่ไม่มีไฟฟ้าใช้จึงมองไม่เห็น ต่อมาตำรวจจับสาววัย 20 ปี ที่นอนซมตกเลือดอยู่ในหอพักบริเวณนั้นไว้ได้ สารภาพว่าเป็นทารกในครรภ์วัย 5 เดือนของตนที่กินยาขับออกมาแล้วสับจนละเอียดใส่ถุงมาทิ้ง ไม่คิดว่าจะมีคนมาเก็บไป. (ขอยาดมหน่อยดิ...ผู้อ่าน)
อันดับ 4 ปฏิบัติธรรมพิสดาร ค่ายปฏิบัติธรรมที่ไอเดียสุดพิสดารไม่ซ้ำแบบใคร กระฉ่อนขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ค. เมื่อผู้ปกครองของ น.ส.สวย (นามสมมุติ) นร.ชั้น ม.4 โรงเรียนบางมูลนากภูมิพิทยาคม จ.พิจิตร ออกมาโวยว่าลูกสาวซึ่งไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรมของโรงเรียนใน สำนักสงฆ์บ้าน สะพานยาว ถูกสำนักสงฆ์ให้นั่งสมาธิในกรงงูเหลือม เลยโดนงูเหลือมรัดคอจนเส้นโลหิตฝอยในดวงตาแตก แถมยังแทบสติ แตกกับความหวาดกลัวที่ได้รับ ส่วนด้านสำนักสงฆ์ชี้แจงว่าเป็นกุศโลบายในการเข้าถึงธรรมสำหรับงูก็เป็นงู ปลอม นอกจากนี้ยังมีโลงศพปลอมไว้ให้ผู้ปฏิบัติธรรมทดสอบจิตใจ ในที่สุดทางพ่อเมืองพิจิตร สั่งให้ปิดสำนักสงฆ์และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ก็พบมีการเลี้ยงจระเข้ยาวกว่า 1 เมตร อีกตะหาก ส่วนงูเหลือมหาไม่พบ จากนั้นดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สาธุ........
อันดับ 5 ตระกูลประหลาดนอนเฝ้าโลงศพนาน 70 ปี ภารกิจสำคัญประจำตระกูลที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครอยากเหมือน เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวทราบว่าที่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 1 ต.อมฤต อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เขาเก็บโครงกระดูกญาติผู้ใหญ่ไว้ในโลงนานเกือบร้อยปี ทุกวันต้องมีลูกหลานนอนเฝ้า เมื่อไปตรวจสอบทราบว่า โครงกระดูกในโลงคือ นายพวงทอง ลิดกะโห้ ที่เสียชีวิตไปนานกว่า 70 ปีแล้ว สอบถามผู้ที่เฝ้าโลงคือนายสำเริง ยิ่งยง มีศักดิ์เป็นเหลนของผู้ตาย เล่าว่าตาทวดเสียชีวิตด้วยสาเหตุตกบันไดจนบอบช้ำนอนรักษาตัวเป็นปีกว่าจะ เสียชีวิต ด้วยความที่รักบ้านหลังนี้จึงขอไม่ให้เผาร่างให้เอาศพไว้ที่บ้าน คนในตระกูลก็จัดคนเฝ้าศพกันเรื่อยมาตามความต้องการของตาทวด จนมาถึงรุ่นตน ซึ่งเฝ้ามากว่า 20 ปีแล้ว และจะทำแบบนี้ตลอดไป อืม...จะว่าไป ก็ซึ้งนะเนี่ย...
อันดับ 6 พี่น้องเกิด-ตาย วันเดียวกัน ข่าวเหลือเชื่อปนเศร้าข่าวนี้ นำเสนอเมื่อ วันที่ 23 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเมืองเกินร้อย (ร้อยเอ็ด) รับทราบว่ามี ครอบครัวที่ประสบชะตากรรมประหลาดเป็นชาวอำเภออาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดย 3 พี่น้องเกิดวันเดียวกัน 2 ใน 3 เสียชีวิตวันเดียวกัน แต่คนละปี แถมน้องชายคนที่ 2 แม้ไม่ได้เกิดวันเดียวกันแต่เสียชีวิตวันเดียวกันแบบเหลือเชื่อ
ด้าน นางหนูพลอย บุตรรัตน์ วัย 75 ปี คุณแม่ผู้สูญเสียลูกเปิดเผยว่ามีบุตร 8 คน เป็นหญิง 4 ชาย 4 มีลูกชาย 3 ใน 4 คน ที่เสียชีวิตเกิดวันและเดือนเดียวกัน แต่คนละปี ประกอบด้วย จ.ส.ต. วิมาน บุตรรัตน์ เกิด 1 ม.ค. 2498 เสียชีวิต 19 พ.ค. 2535 นายประพันธุ์ศักดิ์ บุตรรัตน์ เกิด 1 ม.ค. 2514 คนนี้ยังอยู่นะครับ นายจักรพงษ์ บุตรรัตน์ เกิด 1 ม.ค. 2516 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2552 และ นายโอภาส บุตรรัตน์ คนนี้ไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่เกิดวันที่ 17 ก.พ. 2500 แต่กลับเสียชีวิตวันที่ 19 พ.ค. 2540 ที่เหลืออีก 4 คนก็อยู่อย่างระทึกใจ เมื่อครบรอบวันที่ 19 พ.ค. ของแต่ละปี ท่านผู้อ่านงงไหมล่ะครับว่านี่คือเรื่องจริง.
อันดับ 7 ถุงยางมัดผัก เรื่องนี้เป็นข่าวขึ้นมาเมื่อ 22 มิ.ย. คือ นายสุดใจ พรมเลิศ หนุ่มชาวหาดใหญ่ จ.สงขลา ไปเดินจับจ่ายในตลาดสดพลาซ่า อ.หาดใหญ่ ในที่สุดก็คว้า “ผักจิก” (ผักพื้นบ้านปักษ์ใต้) มา 1 กำ เมื่อได้มาก็ลิ่วกลับบ้านเพราะตั้งใจจะนำไปหม่ำแกล้มขนมจีนให้อร่อยลิ้น แต่ตอนแกะมาล้างก็เป็นงงเมื่อเห็นยางที่ใช้รัดผักมันไม่ใช่หนังยางทั่วไปแต่ มันคือ “ถุงยางอนามัย” จริงแท้แน่นอน แถม มีเศษถุงยางติดมาด้วยไม่ใช่น้อย ทำเอาขนมจีนมื้อนั้นกร่อย ไปถนัดใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวตามไปตรวจสอบก็พบตัวแม่ค้าเจ้าของไอเดียสุดกิ๊บเก๋ เจ้าตัวยอมรับว่าเป็นถุงยางจริง แต่ให้เหตุผลว่าเป็นถุงยางที่ไม่ได้ใช้ สาเหตุที่เป็นถุงยางเพราะมีลูกสะใภ้ทำงานในโรงงานผลิตถุงยาง แล้วนำถุงยางที่ชำรุดกลับมาให้ ตนเห็นว่ายังไม่ได้ใช้และน่าจะทนทานกว่าหนังยางทั่วไปจึงนำมามัดผักขาย เรื่องก็เป็นประการฉะนี้นั่นเอง เอื้อก...เป็นลมดีก่า....
อันดับ 8 เด้งจ่าเฉยเข้ากรุ ลง จว.ชายแดนใต้ ข่าวนี้เกิดขึ้นสด ๆร้อน ๆ ด้วยความฮอตของตัวข่าว มันถึงเข้าอันดับมาได้อย่าง ชิว ชิว เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พล.ต.ท. สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. คนใหม่ไฟแรงสูง ท่านแถลงข่าวจัดการจราจรรับมือเทศกาลปีใหม่ รวมไปถึงมาตรการไขลานลูกน้องตำรวจจราจรหรือทีมงานหัวปิงปอง (เขาเรียกกันแบบนี้จริง ๆ นะ) อาทิ ลอกฟิล์มดำที่ติดตามป้อมจราจรออกทั้งหมด ให้มองเห็นภายในได้ชัดแจ๋วกันลูกน้องหลบอู้งานหรือแอบงีบ และสั่งเก็บหุ่นจ่าเฉยที่ยืนยิ้มตามสี่แยกต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ เข้ากรุ โดยให้เหตุผลว่าไม่มีประโยชน์ มุกแป้กหลอกคนขับรถไม่ได้แล้ว พอสื่อฯ แพร่ข่าวออกไป ประชาชนต่างเห็นอกเห็นใจจ่าเฉยกันแบบถล่มทลาย เพราะจ่าเฉยเป็นตำรวจที่ไม่เคยแจกใบสั่ง แจกแต่รอยยิ้มจัดเป็นตำรวจในฝันของผู้ใช้รถใช้ถนน (ว่าไปนั่น) แถมทำงานไม่เคยอู้ไม่เคยหลบไปนั่งในป้อม ตากแดด ตากฝน ไม่เคยหวั่น รวมถึงเหล่าตำรวจจราจรตัวจริงก็อาลัยจ่าเฉยกันถ้วนหน้า ล่าสุดมีโรงเรียนที่นราธิวาสและ นครราชสีมา ขอหุ่นจ่าเฉยไปตั้งเพื่อประกอบการศึกษา
กรณีนี้นะครับ...ทีมข่าวหน้าหนึ่งสีบานเย็นมองว่า จ่าเฉยไม่ผิดเรารักจ่าเฉย จ่าเฉยน่ารัก จ่าเฉยสู้ ๆ แหม...ถึงหลอกใครไม่ได้แล้ว เอามาใช้ติดป้ายรณรงค์วินัยจราจรก็ได้ ไม่เห็นต้องเด้งเข้ากรุอย่างไร้ค่าแบบนั้นเลยนะครับท่าน.
ทีมข่าวหน้า 1 เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=38&contentID=40410
--
twitter
mondayblog /senateblog
tuesdayblog/designblog
wednesdayblog/senateblog
thursdayblog/blog1951/sunnews9
fridayblog/9fridayblog
saturdayblog /kratongblog
sundayblog /chun1951
http://www.sahavicha.com http://teetwo.blogspot.com/2008/04/1_28.html