MusicPlaylistView Profile
Create a playlist at MixPod.com

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

[netizen] ต้านข้อเสนอดักข้อมูลบนเน็ต หวั่นละเมิดสิทธิส่วนบุคคล



 
จาก: Thai Netizen Network <freethainetizen@gmail.com>
วันที่: มกราคม 21, 2010 2:21 ก่อนเที่ยง
หัวเรื่อง: [netizen] ต้านข้อเสนอดักข้อมูลบนเน็ต หวั่นละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
ถึง: thainetizen@googlegroups.com


ต้านข้อเสนอดักข้อมูลบนเน็ต หวั่นละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

Wed, 2010-01-20 17:47

จาก กรณี "คณะทำงานกำกับดูแลและเฝ้าระวังการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนเครือข่ายอิน เทอร์เน็ต" ภายใต้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เสนอให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพิ่มหลักเกณฑ์ในการออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการต้องติดตั้งอุปกรณ์ดักจับ ข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ Sniffer ไว้ที่เกตเวย์ วานนี้ (19 ม.ค.)(ข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ)

จิตร์ทัศน์ ฝักเจริญผล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แสดงความเห็นว่า การติด Sniffer ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะหากมีการดาวน์โหลด จะแยกไม่ออกว่า กำลังดาวน์โหลดโปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ หรือถ้ามีการเข้ารหัสไว้ก่อน ก็ยากที่ระบบจะสามารถตรวจสอบได้ ทั้งยังสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เพราะสิ่งที่จะเห็นคือข้อมูล text โดยยกตัวอย่างว่า ขณะที่การเก็บข้อมูล log files จะเห็นว่า ใครส่งอีเมลติดต่อกับใคร แต่ถ้าใช้ Sniffer จะเห็นข้อความที่คุยกัน

โปรดอ่านต่อใน

http://www.prachatai.com/journal/2010/01/27398

--
We stand for cyber-liberty!

--
Thai Netizen Network
http://thainetizen.org/

----
u rcvd diz msg bcoz u r sbscbd 2 d "Thai Netizen Network" grp.
post, email thainetizen@googlegroups.com
leave, email thainetizen+unsubscribe@googlegroups.com
info, http://groups.google.com/group/thainetizen



--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

จ่าเฉยไม่ผิดเรารักจ่าเฉย จ่าเฉยน่ารัก จ่าเฉยสู้ ๆ แหม...ถึงหลอกใครไม่ได้แล้ว เอามาใช้ติดป้ายรณรงค์วินัยจราจรก็ได้

ปีวัวดุ หรือ น้องโคใจร้าย ที่ผ่านมามีข่าวนับหมื่นนับแสนเกิดขึ้นในแต่ละวัน เหตุการ์ต่าง ๆ อุบัติขึ้นทั่วประเทศไทยแดนขวานทองที่ร้อนระอุจากสถานการณ์การเมือง มีทั้งเรื่อง ดี-สุข-เศร้า-เหงา-เคล้าน้ำตา แต่มีข่าวอยู่ประเภทหนึ่งที่คนอ่านทราบเรื่องจะต้องร้อง โอ้โหเฮะ-ฮ่าฮ่าฮ่า-อะไรกันฟระ-แหม ทำไปได้ ฯลฯ

สารพัดคำอุทานที่พรั่งพรูออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ (ว่าไปนั่น) ข่าวที่ว่าก็คือข่าวที่ไม่น่าเชื่อว่า มันจะเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ได้แต่อึ้ง ทึ่ง เสียวกันไป พร้อมกับคำว่า "แบบนี้ก็มีด้วยหรือเนี่ย" ทีมข่าวหน้าหนึ่งสีบานเย็น คัดแล้วคัดอีกจนได้แบบหัวกระทิข้นคลั่กมา 8 ข่าว

อันดับ 1 แปรงสีฟันหลุดลงท้อง

หลังจากถกกันหน้าดำคร่ำเครียด ย้ายสถานที่ประชุมไปแล้วนับสิบแห่ง กี่ครั้งกี่หน ทีมงานก็ฟันธง ว่านี่แหละที่สุดของข่าวเป็นไปได้ไงเนี่ยประจำปี 2552 เช้าตรู่ของวันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าว จ.อุทัยธานี ทราบว่า ที่โรงพยาบาลอุทัยธานี มีผู้ป่วยแปรงสีฟันหลุดลงกระเพาะ อาหารมารับการรักษาให้หมอผ่าตัดเอาออก และแพทย์ผ่าตัดออกได้สำเร็จอย่างปลอดภัย เมื่อไปถึงพบว่าผู้ป่วยคือ นางมัดหมี่ จะงะ อายุ 22 ปี สาวชาวเขา แต่อยู่กินกับสามีชาวบ้านปากดง ต.หลุมเข้า อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี นอนอิดโรยอยู่บนเตียงคนไข้ ข้าง ๆ มีสามีอุ้มลูกเฝ้าอย่างเป็นห่วง

นางมัดหมี่ เผยเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้ฟังว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ขณะนั้นตนไปทำงานเป็นแม่บ้านให้ครอบครัวเศรษฐีที่ จ.เชียงใหม่ หลังรับประทานอาหารกลางวัน ก็ไปแปรงฟันระหว่างกำลังแปรงฟันอยู่ดี ๆ ดันทำกล่องสบู่ที่วางไว้ตกพื้น จึงก้มลงไปเก็บ (กรุณานึกภาพตามแบบสโล   โมชั่นจะได้อรรถรสเพิ่มขึ้น) โดยปากยังอมแปรงสีฟันขนาดประมาณ 7 นิ้วในแนวตั้ง เกิดพลาดท่าไปกระแทกกับโต๊ะกระจกที่ตั้งอยู่ในห้องน้ำอย่างแรงแบบไม่ทันตั้ง ตัว ทำให้แปรงสีฟันเจ้ากรรมหลุดพรวดเข้าไปในช่องปาก ผลุบหายลงไปในหลอดคอ ตนพยายามล้วงออกมา มันก็ลื่นไหลลงไปจนถึงในกระเพาะอาหาร เมื่อไปให้หมอเอกซเรย์ก็พบแปรงสีฟันเด่นเป็นสง่าอยู่ในกระเพาะ ต่อมามีอาการปวดท้องขึ้นมาจนทน ไม่ไหว สามีพามารักษาที่ รพ. คุณหมอเชาว์     สุระดม ช่วยผ่าออกมาได้สำเร็จ

ยังมีแถมอีกนิด คือก่อนหน้ารายนี้มีนักศึกษาสาววัย 20 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลง กรณ์ เคยทำแปรงหลุดเข้าคอเช่นกัน แพทย์ต้องวาง  ยาสลบแล้วคีบเอาแปรงออกมาได้สำเร็จเช่นกัน  เฮ้อ......

อันดับ 2 เหงื่อออกเป็นเลือด ทั้งโลกมีไม่กี่สิบคน

เด็กหญิงที่ร่าเริงแจ่มใส ผู้ต้องประสบชะตากรรมที่หาพบยากในโลก คือ ด.ญ. พันธนันท์ อรุณจันทร์ภักดี หรือน้องแสตมป์ อายุ 11 ขวบ บุตรของ พ.ต.อ.จีรัฐติกุล อรุณจันทร์ภักดี ผกก.สภ.หนองหิน จ.เลย พักอยู่ในชุมชนบ้านรุ่งพัฒนา เขตเทศบาลเมืองสกล นคร น้องแสตมป์ป่วยเป็นโรค ประหลาด เริ่มจากการปวดศีรษะ แล้วจะมีเลือดไหลออกทาง ปาก ตา มาเรื่อย ๆ หากทนไม่ไหวก็จะหมดสติไป ซึ่งทางบิดาก็เพียรพยายามพาไปรักษามาหลายโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 ปี แต่แพทย์ก็บอกไม่ได้ว่าเกิดเพราะอะไร โดยเริ่มเป็นข่าวครึกโครมตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.
   
ทางแพทย์โรงพยาบาลศิริราช เปิดเผยหลัง ตรวจร่างกายว่า น้องแสตมป์ป่วยเป็นโรคเหงื่อ   ออกเป็นเลือด ตามรายงานทางการแพทย์ถือเป็นรายที่ 67 ของโลก และเป็นรายที่ 2 ของไทย สามารถรักษาให้หายได้ คาดสาเหตุมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด เป็นที่น่ายินดีว่าตลอดเวลาที่อยู่ในความดูแลของ รพ.ศิริราช น้องแสตมป์ไม่มีอาการเลือดออกอีก หมอจึงอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน...หายเร็ว ๆ นะจ๊ะ น้องแสตมป์.

อันดับ 3 ทารกผัดกะเพราะ

เมนูที่เชลล์ไม่อยากชิม อาจารย์ยิ่งศักดิ์เบือนหน้าหนี แม่ช้อยขอลาก่อน เป็นข่าวขึ้นเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ขณะที่นายปิยะพงษ์ งามสนอง เจ้าหน้าที่กู้ชีพบัวเพชร จ.ปทุมธานี  ไปจอดรถหลบแดดอยู่ใต้สะพานกลับรถถนนพหลโยธิน อ.ธัญบุรี ระหว่างนั้นเห็นนางชนี กระจ่างจิตร คนเก็บของเก่าที่อาศัยอยู่ใต้สะพาน กำลังเตรียมทำผัดกะเพรา จึงไป ยืนดูใกล้ ๆ แต่เมื่อมองไปที่เนื้อสับก็เห็นนิ้วมือเด็กโผล่ออกมา จึงรีบเบรกเมนูเด็ดไว้ก่อน พร้อมแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

ด้านนางชนี กล่าวแบบซื่อ ๆ ว่า ขณะตระเวนเก็บขยะช่วงค่ำวันที่ 24 มี.ค. เมื่อมาถึงถังขยะหน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี พบเนื้อสับห่อถุงพลาสติก เข้าใจว่าเป็นเนื้อไก่ที่เจ้าของเก่าเผลอทิ้งเพราะยังสดไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า จึงนำมาคลุกเคล้าซอส กระเทียมพริกไทย เตรียมผัดกะเพราแล้วเก็บไว้ จนมื้อกลางวันก็เตรียมประกอบอาหาร ส่วนที่ไม่รู้ว่าเป็นเนื้อทารก เพราะบริเวณที่ตนอยู่ไม่มีไฟฟ้าใช้จึงมองไม่เห็น ต่อมาตำรวจจับสาววัย 20 ปี ที่นอนซมตกเลือดอยู่ในหอพักบริเวณนั้นไว้ได้ สารภาพว่าเป็นทารกในครรภ์วัย 5 เดือนของตนที่กินยาขับออกมาแล้วสับจนละเอียดใส่ถุงมาทิ้ง ไม่คิดว่าจะมีคนมาเก็บไป.  (ขอยาดมหน่อยดิ...ผู้อ่าน)

อันดับ 4 ปฏิบัติธรรมพิสดาร


ค่ายปฏิบัติธรรมที่ไอเดียสุดพิสดารไม่ซ้ำแบบใคร   กระฉ่อนขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ค. เมื่อผู้ปกครองของ น.ส.สวย (นามสมมุติ) นร.ชั้น ม.4 โรงเรียนบางมูลนากภูมิพิทยาคม จ.พิจิตร ออกมาโวยว่าลูกสาวซึ่งไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรมของโรงเรียนใน สำนักสงฆ์บ้าน สะพานยาว ถูกสำนักสงฆ์ให้นั่งสมาธิในกรงงูเหลือม เลยโดนงูเหลือมรัดคอจนเส้นโลหิตฝอยในดวงตาแตก แถมยังแทบสติ แตกกับความหวาดกลัวที่ได้รับ ส่วนด้านสำนักสงฆ์ชี้แจงว่าเป็นกุศโลบายในการเข้าถึงธรรมสำหรับงูก็เป็นงู ปลอม นอกจากนี้ยังมีโลงศพปลอมไว้ให้ผู้ปฏิบัติธรรมทดสอบจิตใจ ในที่สุดทางพ่อเมืองพิจิตร สั่งให้ปิดสำนักสงฆ์และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ก็พบมีการเลี้ยงจระเข้ยาวกว่า 1 เมตร อีกตะหาก ส่วนงูเหลือมหาไม่พบ จากนั้นดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สาธุ........

อันดับ 5 ตระกูลประหลาดนอนเฝ้าโลงศพนาน 70 ปี

ภารกิจสำคัญประจำตระกูลที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครอยากเหมือน เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวทราบว่าที่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 1    ต.อมฤต อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เขาเก็บโครงกระดูกญาติผู้ใหญ่ไว้ในโลงนานเกือบร้อยปี ทุกวันต้องมีลูกหลานนอนเฝ้า เมื่อไปตรวจสอบทราบว่า โครงกระดูกในโลงคือ นายพวงทอง ลิดกะโห้  ที่เสียชีวิตไปนานกว่า 70 ปีแล้ว สอบถามผู้ที่เฝ้าโลงคือนายสำเริง ยิ่งยง มีศักดิ์เป็นเหลนของผู้ตาย เล่าว่าตาทวดเสียชีวิตด้วยสาเหตุตกบันไดจนบอบช้ำนอนรักษาตัวเป็นปีกว่าจะ เสียชีวิต ด้วยความที่รักบ้านหลังนี้จึงขอไม่ให้เผาร่างให้เอาศพไว้ที่บ้าน คนในตระกูลก็จัดคนเฝ้าศพกันเรื่อยมาตามความต้องการของตาทวด จนมาถึงรุ่นตน ซึ่งเฝ้ามากว่า 20 ปีแล้ว และจะทำแบบนี้ตลอดไป อืม...จะว่าไป ก็ซึ้งนะเนี่ย...

อันดับ 6 พี่น้องเกิด-ตาย วันเดียวกัน


ข่าวเหลือเชื่อปนเศร้าข่าวนี้ นำเสนอเมื่อ วันที่ 23 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเมืองเกินร้อย (ร้อยเอ็ด) รับทราบว่ามี ครอบครัวที่ประสบชะตากรรมประหลาดเป็นชาวอำเภออาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดย 3 พี่น้องเกิดวันเดียวกัน 2 ใน 3 เสียชีวิตวันเดียวกัน แต่คนละปี แถมน้องชายคนที่ 2 แม้ไม่ได้เกิดวันเดียวกันแต่เสียชีวิตวันเดียวกันแบบเหลือเชื่อ  
   
ด้าน นางหนูพลอย บุตรรัตน์ วัย 75 ปี คุณแม่ผู้สูญเสียลูกเปิดเผยว่ามีบุตร 8 คน เป็นหญิง 4 ชาย 4  มีลูกชาย 3 ใน 4 คน ที่เสียชีวิตเกิดวันและเดือนเดียวกัน แต่คนละปี ประกอบด้วย จ.ส.ต. วิมาน บุตรรัตน์ เกิด 1 ม.ค. 2498 เสียชีวิต 19 พ.ค. 2535 นายประพันธุ์ศักดิ์ บุตรรัตน์ เกิด 1 ม.ค. 2514 คนนี้ยังอยู่นะครับ นายจักรพงษ์ บุตรรัตน์ เกิด 1 ม.ค. 2516 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2552 และ นายโอภาส บุตรรัตน์ คนนี้ไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่เกิดวันที่ 17 ก.พ. 2500 แต่กลับเสียชีวิตวันที่ 19 พ.ค. 2540 ที่เหลืออีก 4 คนก็อยู่อย่างระทึกใจ เมื่อครบรอบวันที่ 19 พ.ค. ของแต่ละปี ท่านผู้อ่านงงไหมล่ะครับว่านี่คือเรื่องจริง.

อันดับ 7 ถุงยางมัดผัก

เรื่องนี้เป็นข่าวขึ้นมาเมื่อ 22 มิ.ย.  คือ นายสุดใจ พรมเลิศ หนุ่มชาวหาดใหญ่ จ.สงขลา ไปเดินจับจ่ายในตลาดสดพลาซ่า อ.หาดใหญ่ ในที่สุดก็คว้า “ผักจิก” (ผักพื้นบ้านปักษ์ใต้) มา 1 กำ เมื่อได้มาก็ลิ่วกลับบ้านเพราะตั้งใจจะนำไปหม่ำแกล้มขนมจีนให้อร่อยลิ้น แต่ตอนแกะมาล้างก็เป็นงงเมื่อเห็นยางที่ใช้รัดผักมันไม่ใช่หนังยางทั่วไปแต่ มันคือ “ถุงยางอนามัย” จริงแท้แน่นอน แถม มีเศษถุงยางติดมาด้วยไม่ใช่น้อย ทำเอาขนมจีนมื้อนั้นกร่อย ไปถนัดใจ

เมื่อผู้สื่อข่าวตามไปตรวจสอบก็พบตัวแม่ค้าเจ้าของไอเดียสุดกิ๊บเก๋ เจ้าตัวยอมรับว่าเป็นถุงยางจริง แต่ให้เหตุผลว่าเป็นถุงยางที่ไม่ได้ใช้ สาเหตุที่เป็นถุงยางเพราะมีลูกสะใภ้ทำงานในโรงงานผลิตถุงยาง แล้วนำถุงยางที่ชำรุดกลับมาให้ ตนเห็นว่ายังไม่ได้ใช้และน่าจะทนทานกว่าหนังยางทั่วไปจึงนำมามัดผักขาย เรื่องก็เป็นประการฉะนี้นั่นเอง เอื้อก...เป็นลมดีก่า....

อันดับ 8 เด้งจ่าเฉยเข้ากรุ ลง จว.ชายแดนใต้

ข่าวนี้เกิดขึ้นสด ๆร้อน ๆ ด้วยความฮอตของตัวข่าว มันถึงเข้าอันดับมาได้อย่าง ชิว ชิว เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พล.ต.ท. สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. คนใหม่ไฟแรงสูง ท่านแถลงข่าวจัดการจราจรรับมือเทศกาลปีใหม่ รวมไปถึงมาตรการไขลานลูกน้องตำรวจจราจรหรือทีมงานหัวปิงปอง (เขาเรียกกันแบบนี้จริง ๆ นะ) อาทิ ลอกฟิล์มดำที่ติดตามป้อมจราจรออกทั้งหมด ให้มองเห็นภายในได้ชัดแจ๋วกันลูกน้องหลบอู้งานหรือแอบงีบ และสั่งเก็บหุ่นจ่าเฉยที่ยืนยิ้มตามสี่แยกต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ เข้ากรุ โดยให้เหตุผลว่าไม่มีประโยชน์ มุกแป้กหลอกคนขับรถไม่ได้แล้ว พอสื่อฯ แพร่ข่าวออกไป ประชาชนต่างเห็นอกเห็นใจจ่าเฉยกันแบบถล่มทลาย เพราะจ่าเฉยเป็นตำรวจที่ไม่เคยแจกใบสั่ง แจกแต่รอยยิ้มจัดเป็นตำรวจในฝันของผู้ใช้รถใช้ถนน (ว่าไปนั่น) แถมทำงานไม่เคยอู้ไม่เคยหลบไปนั่งในป้อม ตากแดด ตากฝน ไม่เคยหวั่น รวมถึงเหล่าตำรวจจราจรตัวจริงก็อาลัยจ่าเฉยกันถ้วนหน้า ล่าสุดมีโรงเรียนที่นราธิวาสและ นครราชสีมา ขอหุ่นจ่าเฉยไปตั้งเพื่อประกอบการศึกษา
   
กรณีนี้นะครับ...ทีมข่าวหน้าหนึ่งสีบานเย็นมองว่า จ่าเฉยไม่ผิดเรารักจ่าเฉย จ่าเฉยน่ารัก จ่าเฉยสู้ ๆ แหม...ถึงหลอกใครไม่ได้แล้ว เอามาใช้ติดป้ายรณรงค์วินัยจราจรก็ได้ ไม่เห็นต้องเด้งเข้ากรุอย่างไร้ค่าแบบนั้นเลยนะครับท่าน.

ทีมข่าวหน้า 1 เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=38&contentID=40410

--
twitter
mondayblog /senateblog
tuesdayblog/designblog
wednesdayblog/senateblog
thursdayblog/blog1951/sunnews9
fridayblog/9fridayblog
saturdayblog /kratongblog
sundayblog /chun1951
http://www.sahavicha.com
http://teetwo.blogspot.com/2008/04/1_28.html